วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วิธีดูแลรักษาหน้าจอแบบ Touch Screen


1. แผ่นกันรอย เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะสามารถป้องกันได้หลายอย่างเช่น กันรอย สิ่งสกปรก ความชื้น เป็นต้น ควรใช้กันรอยสำหรับโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
2. วิธีทำความสะอาด ควรใช้ผ้าที่ไม่มีขนหรือผ้าที่แข็งกระด้างเช็ด
3. น้ำยาเช็ดทำความสะอาด ต้องเลือกรุ่นสำหรับหน้าจอ Touch Screen โดยเฉพาะ อย่าใช้ร่วมกับหน้าจอคอมพิวเตอร์
4. ไม่วางโทรศัพท์ไว้ในรถ ในสถานที่ที่มีความร้อนหรืออุณหภูมิสูงๆ
5. ควรใส่ซองหนัง หรือซองที่มีความอ่อนนุ่ม เพื่อกันกระแทก หรืออุบัติเหตุที่ไม่พึงประสงค์


ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน Touch Screen



- ใช้ในห้องสมุด สำหรับให้คนค้นหาหนังสือ
- ใช้ในสถานีรถไฟ รถไฟฟ้า สำหรับออกตั๋วเดินทางอัตโนมัติ
- สนามบิน สำหรับให้สอบถามเส้นทาง พร้อมทั้งสามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ด้วย
- พิพิธภัณท์ต่างๆ โดยทำเป็นระบบ Multimedia เพื่อให้คนที่เข้าไปเยี่ยมชม สามารถโต้ตอบ สอบถามข้อมูลได้
- Coperate Information เป็นส่วนประชาสัมพันธ์บริษัท ให้ลูกค้าสอบถาม
- สามารถรับ ส่งอีเมล์ได้ เช่น Tourist Guide, Hotel Lobby และ Shopping Mall Directory
- Point of Sale เช่น ในปั๊มน้ำมัน JET
- ภัตราคาร หรือร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า นำมาประยุกต์ใช้ในการสั่งอาหารต่างๆโดยมีเมนูให้ลูกค้าเลือก
- Hospital and hotel directories (check-in, and registration)
- ใช้ในการประกอบการเรียน การสอน ในสถานศึกษา
- ใช้เพื่อความบันเทิง เช่น ตู้เกมจับผิดภาพ คาราโอเกะ
- ใช้ในหน่วยงานของรัฐ
- ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

ทิปน่ารู้เกี่ยวกับ Touch Screen ?


                 ทราบหรือไม่ว่า หน้าจอ Touch Screen ของ iPhone ไม่สามารถใช้ Stylus (ปากกาสั่งงาน) ได้เช่นเดียวกับ Touch Screen ของโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่นๆ แต่ iPhone สามารถสั่งงานมากกว่าหนึ่งนิ้ว (นิ้วมือ)ได้ ซึ่งแตกต่างจากโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่นๆซึ่งเรียกว่า เทคโนโลยี Multi-Touch

ผลทดสอบระบบ Touch Screen ของโทรศัพท์แต่ละยี่ห้อ

               การทดสอบนี้จัดโดยทีมของ Moto ซึ่งวิจัยเกี่ยวกับเรื่องความละเอียดของระบบสัมผัส โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกจะใช้คนในการเขียนเส้น เพื่อดูว่ามือถือแต่ละตัวตอบสนองต่อระบบสัมผัสได้ดีเท่าไหร่ และส่วนที่ 2 จะใช้หุ่นยนต์ในการเขียนเส้น จะได้เกิดความเที่ยงตรงในการเขียนเส้นมากขึ้น

ใช้คนในการเขียนเส้น

ใช้หุ่นยนต์ในการเขียนเส้น

เริ่มต้นด้วย BB Storm 2 ขีดเส้นด้วย Robot ผลออกมาดังภาพ


รุ่นต่อไป HTC Droid Eris ระบบข้างในเป็น Android  


Apple iPhone


Motorola Droid


Nexus One


Palm Pre 



ภาพรวมการทดสอบระบบการเขียนของโทรศัพท์ทุกยี่ห้อ 



                  สามารถสรุปผลการทดสอบได้ว่าการตอบสนองของหน้าจอระบบสัมผัสพบว่า iPhone เป็นสมาร์ทโฟนที่หน้าจอระบบสัมผัสนั้นตอบสนองได้เร็วที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ โดยหากเทียบกับ Android  แล้วพบกว่าเร็วกว่าถึง 2.5 เท่า



Ex.2 การใช้ Multi Touchscreen บน MacBook

               การใช้ Multi Touchscreen บน MacBook หรือเราเรียกว่า Multi-Touch Gesture เป็นรูปแบบการใช้นิ้วมือควบคุมแอพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานอยู่ได้จาก Touchpad ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มีการทำงานดังนี้

1. ใช้ 2 นิ้วปัดในทิศทางขึ้น หรือ ลง
                เมื่อเปิดเว็บหรือเอกสารที่มีเนื้อหายาวกว่าความสูงของหน้าจอผู้ใช้สามารถใช้ 2 นิ้ว ปัดขึ้น หรือลง เพื่ออ่านเนื้อหาของเอกสารหรือเว็บที่อยู่ก่อนหน้าหรือถัดไปได้ และ ยังสามารถใช้เพิ่มหรือลดระดับเสียงในขณะที่เราเปิดโปรแกรมดูหนังได้อีกด้วย


2. ใช้ 2 นิ้วปัดในทิศทางซ้าย หรือ ขวา
        โดยส่วนใหญ่ใช้ในการเลื่อนContent หรือเอกสารตามแนวนอนไปทางซ้ายหรือขวา กรณีที่เปิดหน้าเว็บก็สามารถวาง2นิ้วปัดไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อกลับไปยังเพจก่อนหน้าหรือเพจถัดไปได้เช่นกัน อีกทั้งยังใช้เลื่อนseek barเพื่อทำการfast forward ในขณะที่เราดูหนังได้อีกด้วย


3. ใช้ 2 นิ้ว แตะลงที่ทัชแพดตรงๆ 1 หรือ 2 ครั้ง
        การแตะลงไปที่ทัชแพด 2 ครั้งเรียกว่า Smart Zoom คือ Mac OS จะขยายภาพให้เรา 1 ระดับใช้ได้กับ safari และ ขณะกำลังดูรูป ส่วนการใช้ 2 นิ้ว แตะที่ทัชแพด 1 ครั้ง ใช้แทนการคลิกเมาส์ขวา


4. ใช้ 3 นิ้วปัดในทิศทาง ขึ้น หรือ ลง
       การใช้ 3 นิ้วปัดขึ้นนั้นเป็นการเปิด Mission Control เมื่อเปิดขึ้นมาแล้วเราจะเห็น Dashboard , Desktop หรือ แอพฯต่างๆที่เปิดอยู่ทั้งหมดและสามารถเลือกแอพฯที่เปิดค้างไว้กลับมาทำงานต่อได้ทันที แต่ในกรณีที่เปิด Mission Control ขึ้นมาโดยที่ยังไม่ได้เลือกแอพฯสามารถปิดได้โดยการใช้ 3 นิ้วปัดลง


5. ใช้ 3 นิ้วปัดในทิศทาง ซ้าย หรือ ขวา
         ในบางแอพฯถ้าคลิกที่เครื่องหมาย  Mac OSจะขยายแอพฯนั้นให้เต็มจอต่อไปทางด้านขวาเหมือนเรามี 2 Desktop เราสามารถสลับหน้าจอไปมาได้ด้วยการใช้ 3 นิ้วปัดไปทางซ้าย และ ขวา


6. ใช้ นิ้วโป้งปัดขึ้น และ ใช้ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้งนาง ปัดลง
     เป็นการเรียก Launchpad ขึ้นมา Launchpad คือศูนย์รวมแอพฯที่เราได้ติดตั้งไว้ในเครื่องคล้ายๆกับ All Programs ในฝั่ง Windows นั่นเอง


7. ใช้ นิ้วโป้งปัดลง และ ใช้ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้งนาง ปัดขึ้น
               เมื่อเราเปิดโปรแกรมหรือแอพฯต่างๆไว้เต็มหน้าจอในกรณีที่ต้องการเอาไฟล์งานที่หน้า Desktop หรืออยากซ่อนหน้าต่างโปรแกรมที่เปิดไว้สามารถใช้ลูกเล่นดังกล่าวได้ โดยหน้าจอโปรแกรมทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้ที่ขอบจอด้านบนและด้านข้าง


8. ใช้ 2 นิ้ววางที่ทัชแพดและกางออกจากกัน
        เป็นการใช้นิ้วสั่งให้ Mac OS ขยายรูปหรือหน้าจอ safari จะขยายมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับนิ้วของเราที่กางออกไป



Ex.1 การใช้ Multi Touchscreen บน iPhone

                เพื่อควบคุมการใช้งานบนหน้าจอ iPhone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้มีรูปแบบการใช้งานระบบสัมผัสที่เรียกว่า “มัลติทัชกรีน” ที่ให้เราสามารถแตะควบคุมการใช้งานโดยการแตะได้มากกว่า 1 จุด โดยมีวิธีการใช้งานต่างๆดังนี้

1. แตะ1ครั้ง บนไอคอนแอพพลิเคชั่นใดๆเพื่อเปิดใช้งานหรือแตะบนคำสั่งในเมนูต่างๆ เพื่อเรียกใช้งานคำสั่งเหล่านั้น


2. แตะติดกัน 2 ครั้ง จะเป็นการซูมขยายภาพในจุดที่แตะติดกัน 2 ครั้งเข้ามา หรือเพื่อเลือกข้อความบนแอพที่รองรับ และหากแตะติดกัน 2 ครั้ง ซ้ำอีกครั้งก็จะเป็นการซูมภาพออกให้กลับมายังหน้าจอเดิม


3. แตะค้าง หากแตะค้างบนลิงค์ในหน้าเว็บ ก็จะเปิดคำสั่งเพิ่มเติมให้แตะเลือกได้ หรือจะแตะบนข้อความในเว็บเพื่อเลือกก็ได้ และยังสามารถส่องข้อความเหมือนแว่นขยายแล้วลากดูข้อความที่ต้องการเลือกหรือแก้ไขเพิ่มเติมในแอพที่รองรับก็ได้


4. บีบหรือกางนิ้วเพื่อย่อขยาย หากต้องการซูมภาพหรือหน้าเว็บให้ใช้ 2 นิ้ว แตะบนหน้าจอแล้วกางออกเพื่อขยายได้ตามต้องการ หรือบีบเข้าหากันเพื่อย่อให้เล็กลงจนพอดีกับหน้าจอ


5. ซ้าย-ขวา แตะบนหน้าจอแล้วปาดนิ้วสไลด์ไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลื่อนหน้า Home ไปยังหน้าอื่นๆที่ต้องการหรือเลื่อนดูภาพก่อนหน้าหรือถัดไปในแอพ Photo เป็นต้น


6. สไลด์ขึ้น-ลง แตะบนหน้าจอแล้วปาดนิ้วขึ้นหรือลงเพื่อเลื่อนดูข้อมูลในหน้าเว็บลงมา โดยคุณสามารถสไลด์ปัดขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเลื่อนหน้าจอให้เร็วตามจังหวะที่สไลด์ได้ เหมาะกับการใช้ค้นหารายชื่อใน Contacts ที่อยู่ลำดับท้ายๆ หรือการดูโพสต์ต่างๆ Twitter หรือ Facebook


7. แตะค้างแล้วเลื่อนหน้าจอ กรณีที่ซูมขยายภาพให้แตะค้างเพื่อเลื่อนดูรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ที่อาจจะล้นหน้าจออยู่ หรือใช้เลื่อนดูแผนที่ในทิศทางต่างๆได้รอบด้านตามต้องการ รวมถึงการแตะค้างแล้วเลื่อนขึ้น-ลง เพื่อดูข้อมูลบนหน้าเว็บหรือรายการต่างๆ ทีละนิดก็ได้


Multi Touchscreen คืออะไร

             

                 มัลติทัช เป็นการต่อยอดมาจากหน้าจอสัมผัสทั่วไป (Touch Screen) ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นทัชสกรีนแบบธรรมดาจะเป็นการรับคำสั่งได้ทีละจุดทีละคำสั่ง คล้ายๆกับเวลาเราเล่นเกมส์จับผิดภาพ หรือการใช้โทรศัพท์มือถือหรือ PDA แต่ว่า มัลติทัชจะต่างออกไปเพราะสามารถรองรับการสัมผัสได้ทีละหลายๆจุด ทำให้เกิดรูปแบบการสั่งงานที่คล่องตัวมากขึ้น และมีการควบคุมที่สะดวกกว่า ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากการควบคุมคอมพิวเตอร์แบบเดิมๆ ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ Windows7จะนำเทคโนโลยีมัลติทัชเข้ามาใช้ เพราะฉะนั้นในอนาคตเราก็มีโอกาสจะได้ใช้มัลติทัชกันอย่างเต็มรูปแบบ


                  สำหรับเทคโนโลยีมัลติทัชก็จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ หลักๆอย่างแรกคือ หน้าสัมผัส  ซึ่งตัวนี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหน้าจอแสดงภาพอย่างเดียว อาจจะเป็นโต๊ะ กำแพง เป็นTouch Pad บนโน้ตบุ๊คก็ได้ ส่วนนี้เป็นได้หลายรูปแบบในลักษณะการรับค่าสัมผัสจากหน้าจอหรือว่าตัว interface ซึ่งทำได้ทั้งการผ่านความร้อน แรงกดของนิ้ว ใช้แสงอินฟาเรด คลื่นอัลตราโซนิค คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือแม้แต่การควบคุมผ่านทางแสงเงา ก็มีการพัฒนาขึ้นมาแล้ว แต่ส่วนที่คิดว่าสำคัญที่สุดในระบบมัลติทัชก็คือเรื่องของ Softwareในการควบคุม ถ้าดูจาก i-Phone จะเห็นว่าตัว Software สามารถที่จะเข้ามาผสานการทำงานกับระบบมัลติทัชได้อย่างลงตัว และทำให้รูปแบบการทำงานดูน่าใช้มากขึ้น

อุปกรณ์ที่ใช้ multi Touchscreen
- iPhone
- iPod touch
- iPad
- Mac Book Air และ Mac Book Pro (ติดตั้งบน Touch Pad)
- Microsoft Surface (ติดตั้งบนโต๊ะ)

ลักษณะของหน้าจอ Touch Screen (4)


4. หน้าจอ Touch Screen แบบ Infrared 


            Touch Screen แบบ Infrared จะถูกใช้งานในจอแสดงผลขนาดใหญ่ในสถาบันการเงินและทางการทหาร เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยการตรวจจับแสง ดังนั้น แทนที่จะมีแผ่นแก้วอยู่หน้าจอเหมือนกับเทคโนโลยีอื่น แต่จะทำเป็นกรอบแทน ภายในกรอบจะมีแผงของแหล่งกำเนิดแสงที่เรียกว่า LED ที่ด้านหนึ่งพร้อมกับตัวตรวจจับแสงที่ด้านตรงข้ามกัน จึงเป็นเสมือน Grid ของลำแสงทั้งจอ เมื่อมีวัตถุใดสัมผัสก็จะไปตัดลำแสงไม่ให้ผ่านไปถึงตัวตรวจจับแสง ทำให้แผงควบคุมสามารถทราบตำแหน่งพิกัดสัมผัสได้

ข้อดีของหน้าจอ Touch Screen แบบ Infrared
- แสงผ่านได้ 100% เนื่องจากไม่มีอะไรมาบังหน้าจอ
- มีความแม่นยำสูง

ตารางเปรียบเทียบหน้าจอ Touch Screen แบบต่างๆ


ลักษณะของหน้าจอ Touch Screen (3)


3. หน้าจอ Touch Screen แบบ Surface-acoustic-wave (SAW)
(คลื่นเสียงที่ผิวของหน้าจอ)



               ด้วยความโดดเด่นในเรื่องความคมชัดสูงความเม่นยำทำให้มีการใช้งานเทคโนโลยี Acoustic wave ใน Application Kiosk Touch Screen** แบบนี้จะมีตัวส่งสัญญานซึ่งยึดติดไว้ที่ขอบกระจกเพื่อส่งสัญญานอุลตร้าโซนิกส์ไปทั้งสองระนาบ คลื่นเสียงนี้จะสะท้อนผ่านไปทั้งพื้นผิวของกระจกมายังเซ็นเซอร์อีกด้านหนึ่ง เมื่อมีการสัมผัสด้วยนิ้วหรือสไตตัลที่มีปลายอ่อน จะมีการดูดซับพลังงานจากคลื่นเสียง ทำให้แผงควบคุมสามารถวัดตำแหน่งการสัมผัสได้จากการเปลี่ยนแปลงขนาดของคลื่นเสียง

       ** ตู้ประชาสัมพันธ์ เป็นเสมือนหนึ่งตัวแทนของบริษัท องค์กร ที่มีข้อมูลของหน่วยงาน ข้อมูลสินค้า ข้อมูลการบริการ และข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน จะช่วยเสริมด้านการบริการสำหรับผู้มาติดต่อหรือประชาชนทั่วไป ได้เร็วและดีที่สุด

ข้อดีของหน้าจอ Touch Screen แบบ Saw-acoustic-wave
- ภาพจะมีความคมชัด
- มีความทนทานมาก
- แผ่นแก้วด้านหน้ามีความคงทน
- มีความแม่นยำสูง
- มีความสามารถในการตรวจจับตามแนวลึก (แกน Z)ได้ด้วย

ลักษณะของหน้าจอ Touch Screen (2)


2. หน้าจอ Touch Screen แบบ Capacitive (ตัวเก็บประจุ)


              เทคโนโลยี Capacitive มีคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งความทนทาน ความโปร่งแสง มักเป็นที่นิยมใน Application ประเภท เกมส์ Entertainment, ATM, Kiosk อุปกรณ์ทางอุตสาหกรรม และ POS* โครงสร้างของ Touch Screen แบบ Capacitive นั้นประกอบด้วยแผ่นแก้วเคลือบผิวด้วยอ็อกไซด์ของโลหะแบบโปร่งแสง เมื่อถึงเวลาการใช้งานก็จะมีการป้อนแรงดันไฟฟ้าที่มุมทั้งสี่ของ Touch Screen เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ความเข้มสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งแผ่น ผู้ใช้จะต้องใช้นิ้วมือเปล่าๆสัมผัสที่จอเพื่อดึงกระแสจากแต่ละมุมที่ให้แรงดันตกลงจากนั้นแผงวงจรควบคุม จึงจะคำนวณเป็นตำแหน่งที่สัมผัสได้

     * POS คือ ระบบขายหน้าร้าน ชื่อเต็มของ POS คือ Point of sale ซึ่งหมายถึง จุดขายหรือจุดชำระเงิน ตรงแคชเชียร์ ซึ่งนำหลักการของเครื่องคิดเงิน (Cash Register) มาเขียนโปรแกรมพัฒนาบนคอมพิวเตอร์ แล้วเพิ่มเติมความสามารถต่างๆที่เครื่องเก็บเงินทำไม่ได้


                 หน้าจอที่รองรับการใช้งานด้วยนิ้วสัมผัส ร่างกายของคนเราเป็นสื่อนำไฟฟ้าประเภทหนึ่ง หน้าจอประเภทนี้จึงไม่รองรับการใช้งาน Stylus หรือปากกาที่เป็นพลาสติกทั่วไป แต่ในบางยี่ห้อ หรือบางรุ่นสามารถใช้งาน Stylus แทนนิ้วมือได้ เพราะ Stylus นั้นทำจากวัสดุนำไฟฟ้าที่ต้องมีความสามารถในการถ่ายประจุจากจอไปที่นิ้วมือของผู้ใช้ และที่สำคัญตำแหน่งที่สัมผัสมีความละเอียดสูง ทำให้ลดการผิดพลาดในการสั่งการได้เป็นอย่างดี  

ข้อดีของหน้าจอ Touch Screen แบบ Capacitive
- มีความคมชัด แสงจากหน้าจอสามารถผ่านออกมาได้ ภาพจึงชัด
- หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด
- ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการเพี้ยนไปจากที่สอบเทียบตำแหน่งเอาไว้
- สามารถสัมผัสด้วยนิ้ว

ข้อเสียของหน้าจอ Touch Screen แบบ Capacitive
- ความไวของตัวอุปกรณ์จะด้อยลงได้เมื่อถูกรบกวนจากสัญญาณรบกวนอิเล็กทรอนิกส์
- ราคาที่ค่อนข้างสูง
- กินพลังงานมาก
- มีปัญหากับแสงรบกวนภายนอก

ตัวอย่างโทรศัพท์ที่ใช้หน้าจอแบบ Capacitive

iPhone 6

Samsung Galaxy S5

Samsung Galaxy Note8

ความหมาย และโครงสร้าง

หน้าจอสัมผัส (Touch Screen)

             
              จอสัมผัส (Touch Screen) เป็นรูปแบบหนึ่งของอุปกรณ์แสดงผลและนำเข้าข้อมูลที่ผสมร่วมกัน เพื่อลดขนาดพื้นที่การใช้งาน โดยโปรแกรมจะแสดงผลภาพกราฟิกบนจอภาพ และผู้ใช้สามารถใช้นิ้วมือสัมผัสบนจอภาพเพื่อเลือกรายการต่างๆ ทั้งที่อยู่ในลักษณะของรูปภาพหรือข้อความเพื่อสั่งงาน จอสัมผัสนิยมนำมาใช้ในลักษณะของงานที่ช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาการใช้อุปกรณ์นำเข้าแบบจับต้อง เช่น แป้นพิมพ์, เมาส์ เป็นต้น

โครงสร้างของ Touch Screen

             โครงสร้างภายในของ จอ Touch Screen” จะประกอบไปด้วย ชั้นบนซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกใสฉาบตัวนำไฟฟ้าบางๆจนแสงสามารถทะลุผ่านได้ ส่วนชั้นล่างเป็นแผ่นกระจกที่ฉาบตัวนำไฟฟ้าไว้เหมือนกัน ทั้งสองชั้นจะถูกต่อวงจรไฟฟ้าทั้ง 4 ด้าน



เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ทุกด้านเมื่อใช้นิ้วกดบนหน้าจอ ผิวพลาสติกชั้นบนก็จะโค้งลงไปกระทบกับแผ่นกระจกชั้นล่าง ทำให้ตัวนำไฟฟ้าที่ฉาบไว้แตะกัน เกิดเป็นกระแสแรงดันไหลผ่านเข้าไปในวงจร แล้วทำการคำนวณออกมาเป็นพิกัด X , Y ส่งให้กับตัวประมวลผลของอุปกรณ์เพื่อที่จะแสดงผลคำสั่งออกมาบนหน้าจอ


ลักษณะของหน้าจอ Touch Screen


1. หน้าจอ Touch Screen แบบ Resistive (ตัวต่อต้าน)

            
           เทคโนโลยี Resistive ถือว่าเป็นแบบที่ประหยัดและเหมาะกับการใช้งานประเภทต่างๆได้กว้างขวาง เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าที่ใช้เครื่อง POS งานควบคุมทางด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งใช้ในอุปกรณ์พกพาอย่าง PDA, Mobile เป็นต้น จอ Touch Screen แบบ Resistive จะประกอบด้วย เลเยอร์ด้านบนที่ยืดหยุ่นและเลเยอร์ด้านล่างที่อยู่บนพื้นแข็งคั่นระหว่าง 2 เลเยอร์ด้วยเม็ดฉนวนซึ่งทำหน้าที่แยกไม่ให้ด้านในของ 2 เลเยอร์สัมผัสกันเพราะด้านในของ 2 เลเยอร์นี้จะเคลือบด้วยสารตัวนำไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติโปร่งแสง ในเวลาสัมผัสจะมีการปล่อยกระแสที่เลเยอร์สารตัวนำ และเมื่อกดที่ Touch Screen จะทำให้วงจร 2 เลเยอร์ต่อถึงกัน จากนั้นวงจรควบคุมก็จะคำนวณค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งจะแตกต่างไปตามตำแหน่งที่สัมผัสเมื่อคำนวณค่ากระแสตามแนวตั้งและแนวนอน จะได้ตำแหน่งที่สัมผัสบนหน้าจอ โดยแต่ละแกน เราสามารถหาค่าตำแหน่ง (ระยะจากขอบจอ) โดยใช้หลักการแบ่งแรงดันตามสมการดังภาพด้านล่าง  เสร็จการสแกนของแกนแรกก็ย้ายไปหาค่าในแกนที่เหลือ (ภายในเวลาสั้นๆ)


โดยมี CPU หรือ ส่วนที่ใช้ในการควบคุมการสลับแกนและคำนวณระยะห่างจากขอบจอของแกนทั้งสองดังภาพด้านล่าง ส่วนที่ใช้ในการระบุตำแหน่งบนจอสัมผัส จะซ้อนอยู่ด้านบนของจอแสดงภาพอีกที


                หน้าจอที่รองรับการใช้งาน Stylus โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถนำวัสดุอื่นๆมาสัมผัสแทน Stylus ได้ แต่หากใช้งานด้วยนิ้วสัมผัสจะไม่ค่อยเสถียร

ข้อดีของหน้าจอ Touch Screen แบบ Resistive

- ความทนทานต่อสิ่งสกปรก, ฝุ่น, น้ำ
- ราคาไม่แพง
- ใช้อะไรสัมผัสก็ได้
- กินไฟน้อย

ข้อเสียของหน้าจอ Touch Screen แบบ Resistive
- เกิดการเลื่อนของจุดได้ง่ายต้องทำ Calibration อยู่บ่อยครั้ง
- เสียหายจากวัตถุมีคมได้ง่าย


ตัวอย่างโทรศัพท์ที่ใช้หน้าจอแบบ Resistive


Nokia Asha 306


Nokia Asha 311


i-mobile idea 1